วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กุมารทอง ความเชื่อของคนโบราณ

กุมารทอง เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทยเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ที่มาของกุมารทองมาจากการเลี้ยงภูติผีปีศาจไว้ใช้งาน โดยกุมารทองจะเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชาย หากเป็นวิญญาณผู้หญิงที่คนเลี้ยงไว้จะเรียกว่า "โหงพราย"
กุมารทองนั้นแรกเริ่มเดิมทีมาจากวิญญาณของเด็กที่ตายในท้องแม่หรือที่ เรียกว่าตายทั้งกลม ผู้มีวิชาอาคมจะไปนำพาวิญญาณเด็กนั้นมาเลี้ยงไว้เป็นลูก
จากหลักฐานที่พบในเอกสารโบราณระบุถึงการทำกุมารทองสรุปว่า ต้องหาศพที่ตายทั้งกลม แล้วประกอบพิธีกรรมผ่าเอาศพทารกในท้องนั้นมาย่างไฟให้แห้งสนิทก่อนรุ่งอรุณ แล้วจึงลงรักปิดทองให้ทั่ว ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่ากุมารทอง ต่อมาสภาพสังคมและวัฒนธรรมพัฒนาไปมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถสร้างกุมารทองจากศพทารกจริง ๆ ได้ จึงได้มีการดัดแปลงกรรมวิธีการสร้างกุมารทองขึ้น
โดยใช้ดินเจ็ดป่าช้าบ้าง ไม้รักซ้อนหรือไม้มะยมบ้าง ไปจนถึงโลหะ มาสร้างเป็นรูปกุมาร แล้วปลุกเสกตั้งจิต ตั้งธาตุทั้ง 4 และเรียกอาการสามสิบสองให้บังเกิดเป็นจิตวิญญาณของเด็กขึ้นมา
กุมารทองปัจจุบันนิยมสร้างเป็นรูปเด็ก ลักษณะเป็นเด็กไว้จุก นุ่งโจงกระเบนอย่างโบราณ กลายเป็นเครื่องรางของขลัง เชื่อกันว่าเสมือนมีวิญญาณเด็กอยู่ในรูปกุมารนั้น ผู้บูชาต้องเลี้ยงดูเหมือนลูกของตน ต้องให้ข้าวน้ำเซ่นสรวงและต้องเรียกให้กินข้าวด้วย
ซึ่งของที่มักจะถวายให้กุมารทอง ได้แก่
-น้ำแดง น้ำผลไม้
-กล้วยน้ำว้า ขนมหวานโบราณ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด
-ผลไม้ที่มีรสหวานน่ารับประทาน
-น้ำเปล่า (ห้ามขาดโดยเด็ดขาด)
หากปฏิบัติดูแลดีกุมารทองก็จะช่วย ช่วยคุ้มครองป้องกันเจ้าของและครอบครัวจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ช่วยให้ทำมาค้าขึ้น ไปจนถึงเตือนภัยล่วงหน้าอีกด้วย และจะคอยติดตามเฝ้าระวังบ้านเรือนจากโจรผู้ร้ายและศัตรูไม่ให้มากล้ำกราย ปัจจุบันผู้บูชานิยมไหว้ด้วยน้ำแดง เรื่องราวของกุมารทองถูกกล่าวถึงใน วรรณคดีไทย เช่น ขุนช้างขุนแผน บ้างก็นับลูกกรอก เป็นกุมารทองด้วย
แต่ปัจจุบันจากข่าวที่ได้ยินกันในขณะนี้ ว่ามีการเอาเด็กมาดองเพื่อจะทำเป็นกุมารทองนั้น ถึงว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง แต่อาจเป็นเพราะความเชื่อของคนไทย ที่มีมานานเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ จึงไม่สามารถห้ามไม่ให้คิดว่าเรื่องแบบนี้สามารถช่วยส่งเสริมให้พวกเค้า อยู่ดีมีสุข หรือป้องกัยอันตรายได้
แม้ไม่มีใครสามารถพิสูจณ์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ของแบบนี้ก็ไม่มีใครอยากลบหลู่เช่นกัน แต่ก็ยังมีบางคนกลุ่มไม่เห็นด้วยกับเรื่องราวเหล่านี้เพราะคิดว่าเป็นเรื่องงมง่าย ของแบบนี้ไม่มีอยู่จริง จึงออกมาต่อต้านการดองเด็กเพื่อมาทำกุมารทองอย่างไรก็ตาม ความเชื่อในเรื่องแบบนี้ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่ขอแนะให้ทำตามแต่อย่างใด อยู่ที่ตัวบุคคล จะใช่วิจารณญาณ พิจารณาเองว่าควร หรือไม่ควร ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะค่ะ

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สำหรับคนเกิดวันอาทิตย์ อัญมณีที่ถูกโฉลก คือ ทับทิม, โกเมน เพทาย, เพชรสีแดง


สำหรับคนเกิดวันจันทร์อัญมณีที่ถูกโฉลก คือ มุกดา, บุษราคัม, แซฟไฟร์สีเหลือง ซิทริน, อำพัน, เพชรสีเหลืองและไข่มุกสีทอง ฯลฯ


สำหรับคนเกิดวันอังคารอัญมณีที่ถูกโฉลก คือ ปะการัง, แซฟไฟร์สีชมพู, โรส ควอตซ์เพชรสีชมพู และไข่มุกสีชมพู ฯลฯ






สำหรับคนเกิดวันพุธอัญมณีที่ถูกโฉลก คือ มรกต, หยก, กรีน, ทูร์มาลีนมาลาไคต์ เพริดอต, เขียวส่อง และโกเมนสีเขียว ฯลฯ







สำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดีอัญมณีที่ถูกโฉลก คือ ไฟร์ โอปอล, คาร์เนเลียนไพฑูรย์, โกเมนสีส้ม, แซฟไฟร์สีส้ม ฯลฯ



สำหรับคนเกิดวันศุกร์อัญมณีที่ถูกโฉลก คือ ไพลิน, บลูโทปาซ, ลาพิสลาซูลีเทอร์ควอยซ์,เพทายสีฟ้าและเพชรสีฟ้า-สีน้ำเงิน


สำหรับคนเกิดวันเสาร์อัญมณีที่ถูกโฉลก คือ อเมทิสต์, แซฟไฟร์สีม่วงนิล, หยกดำ, โอนิกซ์ ฯลฯ













































วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

♣ ความรักไม่ใช่การรายงานข่าว ♣


เมื่อคนสองคนรักกัน คนสองคนนั้นก็ต้องรู้เรื่องในชีวิตกันหมดทุกเรื่อง หากใครมีความคิดเกี่ยวกับการรักกันแบบนี้ ความรักคงจืดจางไปในเร็ววัน เหมือน...หนังสือที่รู้ตอนจบแล้ว เหมือน...หนังที่เพื่อนมาเล่าตอนสำคัญ ๆ ให้ฟังก่อนที่เราจะซื้อตั๋วเข้าไปดู
การรู้อย่างในชีวิตของกัน ไม่นับเป็นการรู้ใจ หากนับเป็นการจุ้นจ้านวุ่นวาย
ความรักนั้นไม่ใช่...การรายงานข่าว ที่ต้องบอกเล่าทุกรายละเอียด เช่น ฉันอยู่ที่นี่ เธออยู่ที่ไหน ฉันกินข้าวร้านนี้ เธอกินข้าวร้านไหน ฉันโทรหาเพื่อน เธอโทรหาใคร ฉันคิดถึงเธอทุก 5 นาที เธอคิดถึงฉันทุกกี่นาที
ความรักแบบนี้มันเหมือนเขียนประโยคสักประโยคหนึ่ง ซึ่งไม่เว้นช่องไฟ มันก็จะดูน่าอึดอัดเช่นกัน คบกันแบบไม่ต้องรู้เรื่องในชีวิตของกันทั้งหมดก็ได้ ให้รู้เฉพาะเรื่องที่สำคัญ ๆ ก็พอ
ไม่ต้องรู้ว่าคิดถึงฉันทุกกี่นาที แค่เพียงรู้ว่ามีเรื่องไม่สบายใจ เราจะคิดถึงกันไหม
ไม่ต้องรู้ว่าเธอกินข้าวร้านไหนกับใคร แค่เพียงรู้ว่าเธอกินข้าวตรงเวลาหรือไม่
และไม่จำเป็นต้องรู้ว่าก่อนมาเป็นแฟนฉัน เธอเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน แค่เพียงรู้ว่า...ต่อจากนี้เราจะดูแลกันดี ๆ
สุดท้าย...เมื่อคนสองคนรักกัน คนสองคนนั้นเกิดความไว้วางใจ ไม่ต้องรายงานทุกความเคลื่อนไหว แค่บกเล่าความรู้สึกเป็นไปที่สำคัญ หากใครมีความคิดเกี่ยวกับความรักแบบนี้ ไม่ว่าจะผ่านนานวัน ก็ยากที่จะจืดจางลง เพราะ...ความรักไม่ใช่การรายงานข่าวที่ต้องบอกเล่าทุกรายละเอียด

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มารู้จักนมเปรี้ยวกันเถอะ

นมเปรี้ยว เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนมที่มีการติดเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เชื้อแลกโตบาซิลลัส ที่ช่วยในการย่อยอาหารและผลิตวิตามินเค และทำให้เกิดการหมักตัวมีความเปรี้ยวขึ้น น้ำนมที่นำมาใช้ทำนมเปรี้ยวมีทั้งเป็นน้ำนมสดและนมที่ได้สกัดเอามันเนยออกแล้วอาจมีการเติมสี กลิ่น รสชาติ เช่น เติมผลไม้เชื่อมหรือเติมรสส้ม องุ่น ลิ้นจี่ ฯลฯ
นมเปรี้ยวชนิดผง ดัดแปลงมาจากน้ำนมวัวธรรมดา และคงคุณค่าของสารอาหารในน้ำนมได้ ทั้งด้านโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ แต่ผ่านกระบวนการหมักจนเกิดกรดที่มีรสเปรี้ยวเสียก่อน จึงนำมาทำให้แห้งเป็นผง นมเปรี้ยวชนิดนี้ใช้สำหรับเด็ก โดยใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารของเด็ก
นมเปรี้ยวที่เป็นของเหลว มักจะทำมาจากนมขาดมันเนยและมีการเติมน้ำตาลลงไป เพื่อให้เชื้อจุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ดี เชื้อจุลินทรีย์ ที่ใช้มักจะเป็นแลกโตบาซิลลัส แล้วปล่อยให้เกิดการหมักและย่อยนมบางส่วน จนกระทั่งมีรสเปรี้ยวจึงนำออกมาจำหน่าย
นมเปรี้ยวเทียม คือ น้ำนมที่นำมาเติมกรดแลคติกหรือกรดอื่นๆ เพื่อทำให้เกิดรสเปรี้ยว โดยไม่ผ่านการหมักหรือเติมจุลินทรีย์ไดๆ แล้วปรุงแต่งสี กลิ่น รส แล้วนำออกมาจำหน่าย ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องเก็บในที่เย็น และสามารถเก็บได้นานกว่านมเปรี้ยวธรรมดา
โยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวที่มีลักษณะกึ่งแข็ง กึ่งเหลว ทำโดยการเติมเชื้อจุลินทรีย์ หรือเชิ้อราบางชนิดตามธรรมชาติ ที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกายลงไปในนมและทิ้งไว้ให้เกิดการหมัก และเกิดรสเปรี้ยว

สารอาหารที่ได้รับจากการบริโภคนม เปรี้ยวจะแตกต่างกันออกไปตามนมที่นำมาใช้ในการทำ โดยแยกตามปริมาณของไขมัน มี 3 ระดับ คือ นมเปรี้ยวที่มีไขมันสูง จะมีไขมันประมาณ 3% ขึ้นไป นมเปรี้ยวไขมันต่ำจะมีไขมันปริมาณ 1.5-3% และ ชนิดที่มีไขมันน้อยมากนอกจากนี้จะมีปริมาณโปรตีนประมาณ 12-18% ส่วนปริมาณคาร์โบไฮเดรตจะมีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการปรุงแต่งรส และมีปริมาณเหล็กและทองแดงต่ำมาก คุณค่าทางโภชนาการของนมเปรี้ยวจึงขึ้นอยู่กับชนิดของนมที่นำมาใช้และปรุงแต่งลงไป ถ้าทำมาจากนมสดคุณค่า จะเท่ากับนมสดถ้าทำมาจากหางนมที่ได้สกัดไขมันออกจะมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยลงไป จึงไม่ควรรับประทานนมเปรี้ยวเป็นอาหารหลัก
การเลือกซื้อนมเปรี้ยวการเลือกซื้อนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์ที่ควบคุมเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคก่อนซื้อควรพิจารณาอ่านฉลากซึ่งต้องมีรายละเอียด คือ ชื่ออาหาร เลขทะเบียน ตำรับอาหาร ชื่อที่ตั้งผู้ผลิตปริมาณสุทธิ ส่วนประกอบที่สำคัญ วันเดือนปีที่ผลิตหรือวันหมดอายุ คำแนะนำในการเก็บรักษา และสิ่งเจือปน หรือเติมแต่งลงไป
คำแนะนำในการบริโภคนมเปรี้ยว เนื่องจากนมเปรี้ยวเป็นผลิตภัณฑ์ที่เติมสารจุลินทรีย์เข้าไป จึงจำเป็นต้องเก็บในที่ๆ มีอุณหภูมิที่ไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส และเก็บไว้ไม่เกิน 7 วัน และควรบริโภคให้หมดก่อนวันหมดอายุ หากเปิดภาชนะบรรจุแล้วบริโภคไม่หมดในวันเดียวควรเก็บไว้ในตู้เย็นและปิดฝาให้มิดชิด การสังเกตลักษณะเป็นก้อนๆ ที่ก้นขวด หรือภาชนะบรรจุถ้าเป็นโยเกิร์ตจะต้องอยู่ในลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว กลิ่นและรสไม่ผิดไปจากปกติ (ยกเว้นกลิ่นและรสที่ปรุงแต่งลงไป) การบริโภคนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตจะได้รับกรดแลคติกที่เกิดจากการหมักตัวของจุลินทรีย์ในนมเปรี้ยว ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ดียิ่งขึ้น ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียที่กระเพาะมีปริมาณความเป็นกรดลดลงทำให้อาหารไม่สามารถย่อยได้ดีการบริโภคนม เป็นสิ่งที่ดีร่างกายจะได้รับสารอาาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วน ดังนั้นการบริโภคนมเปรี้ยวจึงต้องพิจารณาวัตถุดิบที่นำมาผลิตรวมทั้งราคาเมื่อเทียบกับปริมาณ ของอาหารและสารอาหารที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในลักษณะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าท่านเกิดจะบริโภคเป็นอาหารว่างเพื่อเป็นการเปลี่ยนรสชาติบ้างคงไม่เป็นไร

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อาหารสุขภาพ ที่ควรมีติดตู้เย็น

อาหารถือเป็นปัจจัยสำคัญกับชีวิตและสุขภาพของเราค่ะ ทุกวันนี้ทุกคน เทรนด์ของโลกเราหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ดูได้อย่างแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมากมายเกิดขึ้นในปัจจุบัน แถมยังมีการ PR ทำโฆษณาเพื่อเร่งทำการตลาดออกมามากมายเห็นเราเห็นกันอยู่บ่อยๆ จึงอดพูดไม่ได้ว่าสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียวค่ะ และการทานอาหารเสริมเป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน แต่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอย่างไรนั้น คงต้องพิจารณาในเรื่องของคุณภาพ ราคา ความน่าเชื่อถือ กำลังความสามารถในการเลือกซื้อด้วยค่ะ ทางเลือกหนึ่งถ้าเราไม่สามารถซื้ออาหารเสริมมาทานได้เนื่องจากขาดความรู้หรือความสามารถในกำลังทรัพย์ไม่พอ คงต้องกลับพูดถึงประเด็นในเรื่องของการเลือกทานอาหารที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกายให้มากที่สุด เลดี้วีซ่าเลยขอนำข้อมูลของอาหารสุขภาพมาฝากคุณผู้หญิงแฟนๆ เลดี้วีซ่ากัน มาดูสิว่าอาหารสุขภาพชนิดใดบ้างที่คุณผู้หญิงควรหาติดตู้เย็นที่บ้านไว้บ้าง

1. น้ำ สำคัญมากสำหรับสิ่งมีชีวิต ถ้าขาดน้ำระบบการทำงานของร่างกายจะไม่เป็นปกติ น้ำช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติและมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายของคุณผู้หญิงด้วยนะคะ ที่สำคัญยังช่วยให้ผู้หญิงอย่าเรามีผิวชุ่มชื่น น้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ สำหรับคุณผู้หญิงที่อยากมีสุขภาพและดูดีตลอดเวลานั้น ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วค่ะ
2. ผัก เป็นอาหารที่มีคุณค่ามาก มีสารอาหารมากมาย อาทิ วิตามิน เกลือแร่ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในผักยังมี ”ใยพืช” (Fiber) ซึ่งช่วยกระตุ้นลำใส้ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ด้วยอีกนะคะ อยากหุ่นดี ย่อยง่าย ถ่ายคล่องคุณผู้หญิงก็ควรหันมาทันผักกันเยอะๆ อย่างมื้อเย็นลองเปลี่ยนข้าว 1 จานเป็นสลัดแทนจะดีต่อสุขภาพและระบบขับถ่ายของคุณผู้หญิงไม่น้อย
3. นม มีทั้งนมวัว นมถั่วเหลือง หรือจะเป็นนมเปรี้ยว ก็ได้ นมทุกประเภทมีประโยชน์ทั้งสิ้น สำหรับผู้หญิงคนไหนที่รักษาหุ่นก็ลองเลือกนมพร่องมันเนยติดตู้เย็นดูค่ะ หรือจะเป็นนมเปรี้ยวก็ดีไม่น้อยเพราะว่ามีจุลินทรีย์แลคโตาซิลัสช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายด้วยค่ะ สำหรับคุณผู้หญิงคนไหนที่มีปัญหาในเรื่องระบบย่อยอาหารควรระวังเรื่องของการดื่มนมวัว เพราะในนมวัวมีแคลเซียมและโปรตีนซึ่งมีความสมบูรณ์ของกรดอะมิโนดีกว่าโปรตีนจากถั่วเหลืองค่ะ
4. ไข่ไก่ มีทั้งโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย 9 ชนิด ทั้งยังมีวิตามินกับเกลือแร่อีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ, บี, ดี และ อี ธาตุเหล็ก, สังกะสี, ซีลีเนียม และไอโอดีน ส่วนคุณผู้หญิงท่านไหนที่เคยเชื่อมาผิดๆ ว่าทานไข่แล้วจะเสี่ยงกับความอ้วนนั้น เข้าใจผิดอย่างจังเลยค่ะ เพราะโคเลสเตอรอลในไข่แดงมีประมาณ 230 มิลลิกรัมต่อฟอง ซึ่งนับว่าปลอดภัยกว่าการกินเนย แป้ง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ติดมันมากทีเดียวเชียวค่ะ
5. เนื้อปลา เป็นเนื้อสัตว์ที่คุณผู้หญิงทานได้โดยไม่ต้องกลัวอ้วนเท่ากับการทานเนื้อสัตว์อื่นๆ มีโปรตีนจากเนื้อปลามีไขมันต่ำ ย่อยง่าย และมีสาอาหาร คือ กรดโอเมก้า 3 ซึ่งมีกรด DHA และกรด EPA โดย DHA จะช่วยบำรุงเซลล์สมอง เซลล์ประสาท และเรตินาในดวงตา ส่วนกรด EPA ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอล และลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ด้วยค่ะ
6. โยเกิร์ต ในโยเกริ์ตมีวิตามินมากมาย ได้แก่ วิตามิน เอ, บี1, บี 2, บี3,บี6, บี12, ดี, อี มีกรดที่ช่วยในการดูดซึมโปรตีน แคลเซียมและเหล็กเข้าสู่ร่างกาย ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบการขับถ่าย ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ช่วยบำรุงผิวพรรณ ขอแนะนำคุณผู้หญิงให้ทานโยเกิร์ตธรรมชาติแบบไม่มีน้ำตาลจะดีที่สุด นอกจากทานแล้วยังนำมาพอกหน้าบำรุงความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้าของคุณผู้หญิงก็ได้ด้วยนะคะ
7. ผลไม้รสเปรี้ยว ต้องย้ำไว้ก่อนค่ะว่าควรเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม , มะม่วง,ฝรั่ง, กีวี่ ,ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพราะผลไม้ประเภทนี้จะมีวิตามินซีสูง ปลอดภัยจากความอ้วนกว่าผลไม้รสหวานที่มีน้ำตาลมากค่ะ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของภูมิต้านทานโรค ช่วยลดระดับไขมันที่จะไปพอกพูนเส้นเลือดในร่างกายแล้วทำให้หลอดเลือดอุดตัน ทั้งยังช่วยควบคุมโคเลสเตอรอล และป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ที่สำคัญวิตามินซี ยังช่วยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุของการเสื่อมของร่างกายของคุณผู้หญิงได้อีกด้วยค่ะ
8. แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด อาทิ สารเบตาแคโรทีน วิตามินซี นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น และถ้าอยากได้คุณค่าเต็มเปี่ยมแนะนำให้ทานแอปเปิ้ลทั้งเปลือกค่ะ เพราะเปลือกของแอปเปิ้ลแดง 1 ผลนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่ากับวิตามินซี 820 มิลลิกรัมทีเดียว คุณผู้หญิงคนไหนอยากผอมแต่ติดนิสัยทานจุกจิกยามบ่ายๆ หรือท้องว่าง ให้ลองหาแอปเปิ้ลติดไว้ทานดูเวลาหิวค่ะ ได้ผลจริงๆ ดูอย่างวิคตอเรียแบคแฮมซิค่ะ ครั้งหนึ่งยังเคยไดเอ็ทด้วยการทานแอปเปิ้ลเลย
9. ถั่ว โปรตีนจากพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ดังนั้นในช่วงเทศกาลกินเจถ้าไม่อยากให้ร่างกายขาดโปรตีน ถั่วจะเป็นตัวช่วยหนึ่งของคุณผู้หญิงทั้งหลายได้ค่ะ ในถั่วอุดมไปด้วยวิตามินที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของผิวหนัง ผม การควบคุมความดันโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ไขมันไม่อิ่มตัวในถั่วจะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล คุณผู้หญิงคนไหนที่อยากมีอาหารสุขภาพราคาประหยัดติดตู่เย็นต้องไม่พลาดหาถั่วมาเก็บไว้ดูค่ะ
10. ธัญพืช หากคุณผู้หญิงไม่มีเวลาในการเข้าครัวสำหรับเตรียมมื้อเช้ามาก การมี “ธัญพืช” จำพวกข้าวโพด , ลูกเดือย ,งา ,ข่าวฟ่าง,เมล็ดทานตะวัน, จมูกข้าว และรำข้าว ชนิดที่อบกรอบพร้อมทาน ติดตู้เย็นไว้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มากทีเดียวค่ะ ในธัญพืชจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ต้องใช้เวลาในการย่อย ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำเกิดเป็นโรคเบาหวานตามมาในภายหลัง จะต่างจากแป้งขัดขาวซึ่งน้ำตาลจะถูกย่อยเร็วค่ะ แถมในธัญพืชยังเปี่ยมด้วยวิตามิน เกลือแร่ และไฟเบอร์มากมาย ทานง่ายแถมอิ่มสบายท้องในเวลาที่เร่งรีบเหมาะกับผู้หญิงในยุคนี้ทีเดียวค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สูตรลดน้ำหนัก : 9 กิโลกรัม ใน 1 สัปดาห์

ควรนอนเวลา 1ทุ่ม คึ่ง ตื่น ตี 5 ครึ่ง**** เวลา ทานอาหารที่ดี *****เช้า เวลา 7.30 - 9.00 น.กลางวัน เวลา 11.30-12.30น.เย็น เวลา 15.00-16.30 น.
วันที่ 1
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วยกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟองเย็น : สลัดผัก
วันที่ 2
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วยกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟองเย็น : สลัดผัก
วันที่ 3
เช้า : กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วยกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ )เย็น : สลัดผัก
วันที่ 4
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่นกลางวัน : สลัดผัก และไก่ย่าง 1 ชิ้นเย็น : โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 5
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วยกลางวัน : ส้มตำ และไก่ย่าง 1 ชิ้นเย็น : สลัดผัก
วันที่ 6
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วยกลางวัน : ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัดเย็น : สลัดผัก
วันที่ 7
เช้า : ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้นหรือไข่ต้ม 1 ฟองกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ)เย็น : สับปะรด 1 ชิ้น
การลดน้ำหนักตามสูตรนี้นั้น บางคนอาจลดได้มาก ได้น้อย แล้วแต่สรีระ และแล้วแต่กิจกรรมที่ทำในแต่ละวันโดยส่วนตัวดิฉันลดได้ 5 กิโลเพราะกิจกรรมที่ทำนั้นไม่ค่อยได้เผาผลาญเท่าไร แต่ถ้าจะให้ดี ควรออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหารไปด้วย การปรับสูตร สามารถปรับได้ตามต้องการ แต่ควรคำนึงว่า ต้องรับประทานอาหารวันนึงให้ครบ 5 หมู่ด้วยค่ะ

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

น้ำแร่ คือ อะไร

มารู้จักน้ำแร่กันเถอะ
น้ำแร่ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากน้ำบนผิวโลกซึมลงสู่ใต้ดินอย่างช้าๆ โดยผ่านชั้นดินชั้นหินมีการกลั่นกรองโดยธรรมชาติจนมารวมตัวกัน ณ แหล่งน้ำใหญ่ใต้พื้นพิภพที่มีแร่ธาตุสารอาหาร และอินทรีย์สารที่มีประโยชน์เป็นองค์ประกอบโดยมีกลไกทางธรรมชาติความกดดัน และความร้อนใต้พื้นพิภพเป็นเครื่องมือช่วยในการผสมผสานแร่ธาตุให้ปะปนกันได้อย่างกลมกลืน น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติใต้ดินที่พุ่งชันสู่เหนือพื้นดินได้ด้วยแรงดันตามธรรมชาติเรียกกันทั่วไปว่า “น้ำพุร้อน” หรือ “น้ำแร่” นั่นเอง

น้ำแร่มีประโยชน์อย่างไร
น้ำแร่ มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกาและเอเชีย น้ำแร่จากน้ำพุร้อนนั้นเมื่อนำมาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางเคมีจะตรวจพบแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย ยกตัวอย่างเช่น แคลเซี่ยม โซเดี่ยม ฟลูออไรด์ ซัลเฟต เป็นต้น ซึ่งแร่ธาตุต่างๆเหล่านี้เป็นเครื่องมือช่วยส่งเสริมให้น้ำแร่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาและส่งเสริมสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ การอาบน้ำแร่ในขณะที่ยังมีอุณหภูมิสูงนั้นจะช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับไขข้อและกล้ามเนื้อต่างๆได้อย่างดี ในขณะเดียวกันน้ำแร่อุณหภูมิปกติ ก็ยังคงอุดมด้วยแร่ธาตุซึ่งมีประโยชน์ สามารถนำมารักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

“น้ำแร่” อาหารเสริมสำหรับผิวพรรณ
ปัจจุบัน สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและวิถีทางดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากปัจจัยหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น การใช้สารเคมีอย่างไม่ระมัดระวัง การแข่งขันในเชิงการค้าและความเป็นอยู่ มลภาวะ การลดลงของชั้นบรรยากาศโอโซน การลดลงของน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่าเดิม สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงแก่ร่างกายของมนุษย์ต้องสูญเสียน้ำไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมและโดยการเผาผลาญจากความร้อนเนื่องจากชั้นบรรยากาศเบาบางลงนั้นเราจึงควรชดเชยน้ำให้แก่ร่างกาย โดยการดื่มน้ำบริสุทธิ์มากๆ สำหรับผิวพรรณก็เช่นกันควรดูแลถนอมผิวพรรณให้ชุ่มชื้นเปล่งปลั่งอยู่เสมอเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเว้น น้ำแร่นอกจากจะช่วยลดความแห้งของอากาศและให้ความชุ่มชื้นกับผิวพรรณแล้ว แร่ธาตุในน้ำแร่จะออกฤทธิ์ป้องกันโรคผิวหนัง ช่วยกระชับรูขุมขนและสมานผิวให้นวลเนียน สวยงาม นับเป็นอาหารเสริมที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่มีประโยชน์กับผิวพรรณของคนยุคใหม่อย่างแท้จริง

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หน้าสวยด้วยสมุนไพร

เคล็บลับน่ารู่วันนี้จะช่วยให้คุณหน้าสวยใสไร้ฝ้า หน้ามันด้วยวิธีง่าย ๆ จากสมุนไพร
หน้ามัน
* ใช้น้ำมะนาวผสมน้ำสะอาดเท่าตัวทาให้ทั่วใบหน้า แล้วล้างใบหน้าด้วยน้ำให้สะอาด น้ำมะนาวจะช่วยให้ใบหน้าไม่มัน ให้ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
* ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาให้ทั่วใบหน้าวันละ 2-3 ครั้งปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง ไม่ต้องล้างออกเพราะน้ำเมือกจะแห้งไปเอง

ฝ้า
* เอาหัวผักกาดหั่นเป็นแว่นบาง ๆ ทาถูบริเวณที่เป็นฝ้าให้ทั่วทาทิ้งไว้ครั้งละประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกให้หมดด้วยน้ำสะอาดทำเช้าและเย็น ฝ้าจะจางและหายไปภายใน 10 วัน
* ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าตอนเช้าและก่อนนอนทุกวันทาหน้าทิ้งไว้ไม่ต้องล้างออกประมาณ 5 นาที เพราะน้ำเมือกจะแห้งไปเอง ไม่ทำให้รู้สึกรำคาญ
* ฝานแตงกวาเป็นแว่นบาง ๆ แล้วปิดแปะลงบนใบหน้าหรือจะใช้ถูให้ทั่วใบหน้าก็ได้ ทิ้งไว้พอแห้งก็ล้างออก ทำก่อนนอนนอกจากจะใช้รักษาฝ้าแล้วยังช่วยรักษาสิวได้ดีอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของนมถั่วเหลือง


หากพูดถึง "นมถั่วเหลือง" คงไม่มีใครไม่นึกถึง "น้ำเต้าหู้" แต่ถ้าหากพูดถึง "น้ำเต้าหู้" หลายคนก็คงจะคิดถึง "นมถั่วเหลือง" ขึ้นมาใช่ม้า... (อิอิ) เอาล่ะ!! ว่าแล้วก็เข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้เรามีเกร็ดความรู้เรื่อง "น้ำเต้าหู้" มาฝากเพื่อนๆ กันด้วย สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ พลาดไม่ได้เด็ดขาด...


"น้ำเต้าหู้" หรือ "นมถั่วเหลือง" แหล่งโปรตีนชั้นดีสำหรับผู้ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ หรือสำหรับคนที่บริโภคเนื้อสัตว์ ก็สามารถดื่มน้ำเต้าหู้เป็นอาหารเสริมได้ เพราะถั่วเหลืองที่นำมาทำน้ำเต้าหู้นั้นมีโปรตีนสูง และมีคุณค่าทางโภชณาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ถ้าเราบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่สูงพอ ร่างกายของเราก็จะได้รับโปรตีนเพียงพอกับความต้องการได้ (ว้าว... วิเศษสุดๆ)


นอกจากนี้ ในถั่วเหลืองยังอุดมไปด้วยสารอาหารอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามิน A, B, B1, B2, B6, B12 ไนอาซิน และวิตามิน C, D, E และในเมล็ดถั่วเหลืองยังมี "เลซิทิน" อันเป็นสารบำรุงสมอง เพิ่มความทรงจำ ลดไขมัน และลดโคเลสเตอรอลในร่างกายได้อีกด้วย


ทั้งนี้ การดื่มน้ำเต้าหู้จะได้รับประโยชน์กว่าเครื่องดื่มอื่นๆ ถ้าเทียบกับนมธรรมดาแล้ว น้ำเต้าหู้จะมีข้อดีกว่า แต่บางอย่างก็จะสู้นมธรรมดาไม่ได้ โดยน้ำเต้าหู้ให้โปรตีนเกือบเท่านมธรรมดาทั่วไป มีไขมันที่ดีกว่าคือให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวมากกว่า และช่วยลดโคเลสเตอรอล สำหรับข้อเสีย คือ น้ำเต้าหู้จะให้แคลเซียมได้น้อยมาก ดังนั้น จึงควรรับประทานอาหารอื่นที่มีแคลเซียมควบคู่กันไปด้วย เช่น ปลาทอดกรอบ ผักคะน้า กวางตุ้ง เป็นต้น




วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคล็ดไม่ลับของ ผู้หญิงสุขภาพดี

ผู้หญิงสวยอย่างเดียวไม่พอ ใครๆ ก็อยากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงครบถ้วนสมบูรณ์จริงไหมค่ะ เลดี้วีซ่าจึงถือโอกาส นำเคล็ดลับเกี่ยวกับเรื่องการกินเพื่อสุขภาพมาฝากคุณผู้หญิงแฟนๆ เลดี้วีซ่ากัน จะได้ช่วยให้คุณผู้หญิงทั้งหลาย มีสุขภาพแข็งแรงและดูดี จนหนุ่มๆ และคนอื่นๆ ก็อยากเหลียวหลังมองมาฝากกันค่ะ
1. หาไอเดียอาหารให้กับตัวเอง ด้วยการลองเมนูใหม่ๆ ดูซะบ้าง
เพราะกินอาหารซ้ำๆ ทุกวันนั้นจะทำให้ร่างกายของคุณผู้หญิงทั้งหลายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ในทางกลับกันค่ะ ถ้าคุณผู้หญิงสามารถเลือกทานอาหาร ได้หลายหมู่ ให้ครบถ้วน เช่น เลือกทานผัก ผลไม้ ถั่ว เมล็ดพืช ไขมัน ได้แล้วละก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เวลาร่างกายทำงานก็จะดึงเอาจากสารอาหารที่เราได้รับในแต่ละวันไปใช้ได้อย่างเต็มที่ทีเดียว
2. หัดกินอาหารประเภทธัญพืชให้เป็นนิสัย
คุณผู้หญิงรู้กันไหมค่ะว่า ธัญพืชสามารถช่วยป้องกันคุณจากโรคเรื้อรังต่างๆ ได้ด้วยนะคะ อย่างโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคลม โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคมะเร็ง แถมยังมีคุณสมบัติช่วยต่อสู้กับคอเลสเตอรอลได้ด้วย
นอกจากนั้นในธัญพืชยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเมื่อกินเข้าไปแล้วจะช่วยให้คุณผู้หญิงอิ่มท้องได้นานโดยไม่ต้องคอยกินจุกกินจิกให้โรคอ้วนถามหาด้วยค่ะ
3.หัดเข้าครัวทำอาหารเองดูซะบ้าง
การเข้าครัวทำอาหารก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยามว่างทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่ดูเป็นคนมีเสน่ห์ ดูใส่ใจสุขภาพและการกินได้อย่างดีที่เดียวค่ะ เพราะการที่คุณผู้หญิงลงทุนเข้าครัวทำอาหารเอง จะช่วยให้สามารถเลือกใช้เครื่องปรุงและส่วนผสมในการปรุงอาหารได้เอง เลือกแต่ของดี มีประโยชน์ ที่ร่างกายคุณผู้หญิงต้องการ สารอาหารตัวไหนต้องการมาก เราก็สามารถจัดสรรมากน้อยได้ตามต้องการเลยค่ะ ถ้าออกไปทานอาหารนอกบ้าน อาจทำให้คุณผู้หญิงกินอาหารเข้าไปในปริมาณที่มากกว่าปกติอย่างไม่รู้ตัวด้วยก็เป็นได้ เช่นว่าเสียดายอาหาร หรือ เสียดายเงินที่ต้องจ่าย เป็นต้น แถมร้านอาหารใส่อะไรมาเป็นส่วนผสมบ้างบางทีเราก็ไม่สามารถมั่นใจได้ด้วยค่ะ
4.หากินของว่างระหว่างมื้อ
ลองกินมื้อเล็กๆ แทรกระหว่างวันดูบ้าง จะเป็นการช่วยให้ร่างกายของคุณผู้หญิงกระตุ้นการเผาผลาญอาหารขึ้น และได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้น ไม่ทานหนักในมื้อหลักมากไป ร่างกายของคุณผู้หญิงจะได้รับวิตามินและเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการนอกเหนือไปจากอาหารมื้อหลักๆ ทั้ง 3 มื้อ อีกทั้งการกินของว่าง ระหว่างมื้อก็เป็นการช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และทำให้อารมณ์ดีขึ้นด้วยค่ะ
สุดท้ายนี้เคล็ดไม่ลับอีกข้อที่อยากฝากไว้อีกนิดนึงคืออยากให้คุณผู้หญิงแฟนๆ เลดี้วีซ่าทั้งหลาย หมั่นดื่มน้ำเยอะๆ แล้ว หาเวลาออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยนะคะ
อยากเป็นผู้หญิงสวยสุขภาพดี ลองทำตามเคล็ดไม่ลับที่เลดี้วีซ่า นำมาฝากกันดูนะคะ เป็นวิธีง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ รับรองว่าคุณจะเป็นผู้หญิงสวย สุขภาพดีและดูดีในสายตาใครหลายๆ คนขึ้นเป็นกองเลยค่ะ